
การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 30 หรือ COP30 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเบเล็ง (Belém) ประเทศบราซิล ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ได้ปิดฉากลงด้วยข้อสรุปที่สะท้อนถึงทั้งความคืบหน้าและความขัดแย้งที่ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นร้อนเรื่อง “เชื้อเพลิงฟอสซิล” และวิกฤตที่อุณหภูมิโลกทะลุขีดจำกัดค่ะ
สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดในการประชุม COP30 คือการที่ผู้แทนจากเกือบ 200 ประเทศ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่ชัดเจนเรื่อง “การเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล” ได้ แม้ว่าจะเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตามองและมีกว่า 80 ประเทศเรียกร้องอย่างหนัก โดยสุดท้ายแล้วถ้อยคำที่ว่าด้วยการลดและเลิกใช้ฟอสซิลก็ถูกลบออกจากข้อตกลง
การประชุมครั้งนี้ถูกขนานนามว่าเป็น “COP แห่งความจริง” เพราะมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกได้ก้าวข้ามขีดจำกัด 1.5 องศาเซลเซียส ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงปารีส ไปสู่ระดับที่สูงขึ้นถึง 2.0-2.8 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยร้ายแรง
ชุดข้อตกลงเบเล็ง (Belém Package)
ที่ประชุมได้รับรองชุดฉันทามติ 29 ฉบับนี้ โดยมีการรวมถึงข้อริเริ่มให้ประเทศต่างๆ ร่วมมือกันโดยสมัครใจเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และยังอ้างถึงพันธสัญญาจาก COP28 ที่จะ “เปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล” แต่ก็ยังขาด “แผนงาน” ที่เป็นรูปธรรม
เงินทุนเพื่อสภาพภูมิอากาศและป่าไม้
แม้จะมีความตึงเครียดเรื่องฟอสซิล แต่ COP30 ก็ยังสร้างความคืบหน้าในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการเงินและบทบาทของป่าไม้เขตร้อน ซึ่งเป็นประเด็นที่บราซิลในฐานะเจ้าภาพเน้นย้ำ จนถูกขนานนามว่าเป็น “Forest COP” โดยมีความคืบหน้าในการระดมทุนเพื่อสภาพภูมิอากาศ โดยตั้งเป้าหมายเงินทุนอย่างน้อย 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2035 และประเทศร่ำรวยถูกเรียกร้องให้เพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อมาตรการ “การปรับตัว” (Adaptation) ของประเทศเปราะบางให้ได้ อย่างน้อย 3 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2035 นอกจากนั้นก็มีการเปิดตัว กองทุน Tropical Forests Forever Facility (TFFF) เพื่อการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อน ซึ่งสามารถระดมทุนได้กว่า 6.7 พันล้านดอลลาร์เป็นที่แรกอีกด้วย
บทบาทของประเทศไทยใน COP30
ประเทศไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศในเวที COP30 โดยมีสาระสำคัญคือ
ไทยได้ประกาศเป้าหมายที่จะก้าวสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมถึง 15 ปี และจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 47% จากระดับปี 2562 (ตาม NDC 3.0 ฉบับล่าสุด)
ไทยได้นำเสนอความก้าวหน้าของร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด ซึ่งจะเป็นรากฐานของการขับเคลื่อนในระยะยาว
COP30 จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลง” ที่ต้องเปลี่ยนความเร่งด่วนให้กลายเป็นการลงมือทำอย่างจริงจัง ท่ามกลางความตึงเครียดว่าโลกจะสามารถปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่มีอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะทางสภาพภูมิอากาศได้หรือไม่นั่นเองค่ะ
บริษัท พูนทองไฟเบอร์ จำกัด
POONTONG FIBER CO., LTD.
รับซื้อขวดพลาสติก PET / จำหน่าย พลาสติกรีไซเคิล
36 หมู่ที่ 11 ตำบลบึง อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ 32000
โทร. 086-9354949 / 086-5599793 / 096-157887
